5นาที ช่วยมือใหม่ ไขคำศัพท์ จองโรงแรม
เคยไหม??? อยากจองห้องพัก โรงแรม เปิดเข้าไปดูแล้ว งง?? ว่าแต่ละห้อง ต่างกันอย่างไร สำหรับใครที่งบไม่จำกัดก็คงไม่มีปัญหา จองห้องแพงสุดไปได้เลย คงตอบโจทย์ได้หมด แต่สำหรับคนทั่วไปล่ะ ก็อยากได้ห้องที่คุ้มค่า คุ้มราคา และตรงกับความต้องการมากที่สุด จริงไหม?
วันนี้พี่ itelly0u ก็เลยจะมาชี้แจงเกี่ยวกับ คำศัพท์ ในการแบ่งระดับ ประเภท และชนิดของเตียงของโรงแรม ให้คลายความสับสนกัน จะได้เลือกอย่างตรงใจกัน
อ่ะเราก็มาดูกันในโรงแรมแต่ละที่ก็จะมีชนิดของเตียง และชื่อเรียกของแต่ละห้องแตกต่างกันไป เชื่อว่าคนจองโรงแรมมือใหม่ ก็จะมีความสับสนหน่อยๆ
โดยในการแบ่งหรืออธิบายห้องพัก แบบที่นิยมมาก และใช้ได้กับทั้งโรงแรมขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เนื่องจากแบ่งตามจำนวนคนที่เข้าพักเลย โดยชื่อประเภทของห้องพัก นั้นก็ยังบ่งบอกถึงระดับของห้องนั้นๆ ได้อีกด้วย ส่วนจะมีอะไรบ้าง ตามไปอ่านกันครับ
โดยที่นิยม จะมีรายละเอียด ซึ่งมีคำศัพท์เพื่ออธิบายลักษณะห้องพัก ดังนี้
1.ระดับความหรูของห้องพักโดย (Room Category)
2.รูปแบบลักษณะของเตียงนอนภายในห้อง (Room Type)
3.แบ่งตามขนาดของเตียง (Bed Size Type)
4.อาหารและเครื่องดื่ม
5.การคิดราคาต่อการเข้าพัก
6.ห้องน้ำ
7.ภาษีและค่าธรรมเนียม
1.ระดับของห้องพัก (Room Category)
คนจองโรงแรมมือใหม่อาจจะสับสนอยู่บ้างว่าแต่ละห้องมีความแตกต่างกันอย่างไร วันนี้ itelly0u จะมาบอกให้ครับ ซึ่งตามมาตรฐานที่มีอยู่ (แต่บางโรงแรมอาจมีไม่ครบ) เรียงลำดับจากราคาถูก—>แพง ตามรูปภาพ
Standard Room
http://amorgoshotel.com/wp-content/uploads/2014/12/Amorgos-Standard-Room2-e1464286437370.jpg
เป็นห้องพักที่มีขนาด และการตกแต่งตามมาตรฐานทั่วไป ซึ่งอาจจะแบ่งย่อยเป็นเตียงเดี่ยว เตียงคู่ ฯลฯ ได้ โรงแรมส่วนใหญ่มีราคาเริ่มต้นจากห้องประเภทนี้
http://resortsnhatrang.com/wp-content/uploads/2018/06/room_1.jpg
ลักษณะเหมือนห้อง Standard แต่จะมีทัศนียภาพที่ดีกว่า หรือเตียงมีขนาดใหญ่กว่าห้อง Standard ราคาจึงสูงกว่ากันเล็กน้อย
Deluxe Room
https://s7d2.scene7.com/is/image/ritzcarlton/pnqrz-king-50668318?$XlargeViewport100pct$
ขนาดห้องอาจจะเท่ากันหรือกว้างกว่าห้อง Standard แต่จะเป็นห้องที่ดีที่สุดของโรงแรม เช่น ได้รับการตกแต่งให้สวยงามเป็นพิเศษ มีขนาดเตียงใหญ่เป็นพิเศษ หรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในห้อง แล้วยังสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ ในมุมที่สวยที่สุดของโรงแรมแห่งนั้น ได้จากห้องพักอีกด้วย จึงเป็นห้องที่มีราคาสูงที่สุดในโรงแรม
“ความจริงแล้ว ทั้ง Standard, Superior และ Deluxe จะเหมือนกัน แตกต่างกันที่ขนาด และความหรูหราเท่านั้น โรงแรมบางแห่งจึงอาจจะไม่มี Standard และ Superior แต่ไปเริ่มที่ Deluxe เลยก็ได้ (แต่ไม่ได้แปลว่าโรงแรมนั้นมีแต่ห้องหรูนะครับ จะต้องดูที่ระดับของโรงแรมเองด้วย เพราะชื่อห้องสามารถตั้งกันเองได้อยู่แล้วครับ)”
https://d2e5ushqwiltxm.cloudfront.net/wp-content/uploads/sites/70/2016/11/22095538/suite-novotel-bangkok-ploenchit-sukhumvit-1.jpeg
อ่านว่า สวีท นะครับ หลายคนอาจจะนึกว่ามันคือห้องที่หรูหรา แต่ความจริงแล้ว "Suite Room" หมายถึง ห้องที่มีส่วนของห้องนั่งเล่นอยู่ด้วย ปกติแล้วห้องทั่วไป พอเปิดประตูเข้าไปก็จะเจอเตียง และห้องน้ำ แต่ Suite Room จะมีห้องนั่งเล่นอยู่ด้วย โดยจะแยก โซฟา ตู้เย็น โทรทัศน์ โต๊ะเขียนหนังสือ ฯลฯ ออกไปอีก อาจจะมีอะไรคั่นหรือไม่มีก็ได้ เช่น หากจองห้อง Deluxe แขกจะต้องนอนดูทีวีบนเตียง แต่ถ้าห้อง Suite จะมีโซฟาให้นั่งดูทีวีแยกต่างหาก ห้องประเภทนี้จึงมีขนาดกว้างกว่าห้องประเภทอื่นๆ นั่นเอง
Villa Room
https://webbox.imgix.net/images/kifsqlsyyrpwrthq/4ac017bb-b8db-4533-bd88-e83ad93de84d.jpg?auto=format,compress&fit=crop&crop=entropy&w=1532
เป็นบ้านพัก รีสอร์ตขนาดใหญ่ โดยจะแยกส่วน Hotel กับ Villa ออกจากกัน ห้องพักจะรวมกันอยู่ในอาคารใหญ่ของโรงแรม แต่ Villa จะเป็นอาคารแยกออกมา มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า และราคาก็มากกว่าด้วยเช่นกัน บางแห่งก็เรียกว่าบังกะโล แต่ด้วยภาพลักษณ์ของบังกะโลจะค่อนข้างเป็นแบบ Local ดูถูกกว่า Villa ที่ดูหรูหรา
Pavilion Roomhttps://perfectjourney.vn/wp-content/uploads/2020/07/BFVilla_2BR_POOL_LQM09781-HDR-2-870x555.jpg
เปรียบได้กับ Villa ที่อัปเกรดขึ้นมาอีก คือ เป็นบ้านพักที่มีพร้อมทุกสิ่งอย่าง เรียกได้ว่า หากเตรียมเสบียงไปทำกินเอง ก็อยู่ได้ไม่ต้องออกไปข้างนอกอีกเลย ห้องพักประเภทนี้จึงมีขนาดใหญ่ที่สุดนั่นเองและแพงที่สุดด้วย
นอกจากนี้ยังมีห้องพัก สำหรับกลุ่มที่เฉพาะเจาะจงด้วย เช่น
Honeymoon Room
https://www.adams.com.cy/wp-content/uploads/2018/05/17_g_69839.jpg
ห้องสำหรับคู่รัก จะมีเตียงนอนขนาดใหญ่สำหรับ 2 คน มีสิ่งอำนวยความสะดวก และการตกแต่งช่วยเพิ่มบรรยากาศดีๆ ให้กับคู่รักมากกว่าห้องพักมาตรฐานทั่วไป
Family Room
https://www.phuketorchid.com/content/uploads/2018/09/IMG_1426.jpg
ห้องสำหรับครอบครัว ประมาณ 4 คน โดยจะประกอบไปด้วยเตียงคู่(แต่จริงๆแล้วเป็นเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่แต่มาจากภาษาอังกฤษว่า"Double”จึงเรียกว่าเตียงคู่) นอนได้ 2 คนสำหรับพ่อ-แม่ และมีเตียงเดี่ยวสำหรับลูกๆ อีก 2 เตียง แต่ถ้าหากเป็นครอบครัวใหญ่ที่มี ปู่-ยา ตา-ยาย มาด้วย ก็จะมีห้องพักแบบ Grand Family Suite ซึ่งจะมีเตียงขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมาอีก 1 เตียง
Adjoining/Adjacent Room
https://pix10.agoda.net/hotelImages/546/546513/546513_17052914200053295884.jpg
หมายถึง ห้องพัก 2 ห้อง ที่อยู่ติดกัน
Connecting Roomhttps://www.citinpratunam.com/wp-content/uploads/2019/08/Citin_Pratunam_Connecting_Room4.jpg
หมายถึง ห้องที่มีประตูเชื่อมต่อภายใน สามารถเปิดถึงกันได้
https://images.americanhotel.com/images/products/A993X3-GLD_1.jpg?width=500&height=500
ห้องที่ไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่ภายในห้องพักได้
Cabanahttps://pix6.agoda.net/hotelImages/167457/-1/a7e6ef924f4d2b8969e0400e9fcb8e26.jpg?s=1024x768
หมายถึง ห้องที่อยู่ระดับพื้นดิน หรือใกล้สระว่ายน้ำ หรือชายหาด
และส่วนใหญ่แล้ว ชื่อห้องพักมักจะมีคำอื่นมาผสมรวมอยู่ด้วย และสื่อความหมายได้ตรงตัว เพื่อป้องกันการสับสนครับ เช่น
Pool xxx(Suite, Villa, Pavilion เป็นต้น) : มีสระว่ายน้ำส่วนตัวในห้อง แต่อันนี้ต้องอ่านรายละเอียดดีๆ เพราะบางที่เขียน Pool Suite แต่ดันใช้สระรวมกับเขา แค่มีทางลงสระส่วนตัวเฉยๆ ก็มี
Pool Side xxx(Deluxe, Suite เป็นต้น) : ข้างสระว่ายน้ำ มักอยู่ชั้นหนึ่ง
Pool Access xxx(Villa, Suite, เป็นต้น) : มีทางลงสระว่ายน้ำส่วนตัว นึกภาพห้องพักชั้น 1 เปิดหน้าต่างที่ระเบียงออกมามีบันไดให้เดินลงสระได้เลย หรือนั่งแช่จาริมสระได้ดู
Pool View Room : มองจากหน้าต่างห้องเห็นสระว่ายน้ำ
Beach View, Sea View, Ocean View Room : มองจากหน้าต่างห้องเห็นทะเล
Mountain View : มองจากหน้าต่างห้องเห็นภูเขา
Beach Side : ห้องที่อยู่ริมหาด
Jacuzzi xxx(Room, Deluxe, Suite) : มีอ่างจากุชชี่ในห้องพัก
Family Room : มักอนุญาตให้พักได้ ผู้ใหญ่ 2 คน เด็ก 2 หรือบางแห่งอาจ 3 คน
และพิเศษอื่นๆ เช่นอยู่กลางทะเล แพริมน้ำ หรืออย่างมัลดีฟอาจมี "under the sea (ใต้ทะเล)" เป็นต้น
2.ประเภทห้องพัก (Room Type)
จากรูปแบบลักษณะของเตียงภายในห้อง มี 5แบบ ได้แก่
1.Single: ห้องเตียงเดี่ยว ห้องสำหรับนอนคนเดียว
https://hotelaloha.rs/wp-content/uploads/2019/10/comfort-single-hotel-aloha-4.jpg
2.Double: ห้องเตียงเดียว นอนสองคน แต่เป็นเตียงใหญ่เตียงเดียว บางคนอยากได้เตียงกว้างๆ อาจจองห้อง Double นอนคนเดียวก็ยังได้
https://pix10.agoda.net/hotelImages/220/2205512/2205512_17080915420055255050.jpg?s=1024x768
3.Twin: ห้องเตียงคู่ เป็นเตียงเล็ก 2 เตียง ส่วนใหญ่ถ้าจองห้อง 2 คนโดยไม่รีเควสต์ Double เขาจะจัด Twin ให้ (ยกเว้นห้องเต็ม)
https://webbox.imgix.net/images/glsakmgqfksboglw/84b71477-06b3-43f1-8a9a-00afa518e07f.jpg?auto=format,compress&fit=crop&crop=entropy&w=1024&h=400&q=55
4.Triple: ห้องที่ได้ 3 คน มีหลักๆมีที่นอนที่เขาจะจัดให้ 4 แบบ
1) เตียงเล็กหรือเตียงเดี่ยว 3 เตียง
https://media-cdn.tripadvisor.com/media/photo-s/14/ba/31/e0/standard-triple-room.jpg
2) เตียง Double 1 + เตียง Single 1
https://webbox.imgix.net/images/yciewatsoittozlb/a4917a78-4696-4898-a350-95bd220cc306.jpg?auto=format,compress&fit=crop&crop=entropy
3) เตียง Double 1 + Extra Bed
https://media-cdn.tripadvisor.com/media/photo-s/07/d2/40/cb/leevana-hotel.jpg
4) เตียง Twin(คือ เตียงเดี่ยว 2 เตียง) 1 + Extra Bed
https://yokohama-s.washington-hotels.jp/wp-content/uploads/sites/202/2015/10/13-Triple-Room-with-Extra-Bed-Bay-View.jpg
5.Dorm : มาจากคำว่า "Dormitory" ที่แปลว่าหอพัก พวกเกสต์เฮาส์ โฮสเทลราคาถูกสำหรับ Backpacker จะมีห้องแบบนี้
เป็นห้อง มีเตียงเยอะๆ โดยมากจะ 4 เตียงขึ้นไป จองเข้าไปกี่คนก็ตามต้องนอนรวมกับคนอื่นที่จองมาพร้อมเรา ห้องเดียวกัน ห้องน้ำใช้ร่วมกัน แยกแค่เตียง มีทั้งแบบรวมชายหญิง หญิงล้วน และชายล้วน ให้เลือก แล้วแต่ที่
https://travelkanuman.com/wp-content/uploads/2016/08/IMG_1825-copy.jpg
3.การแบ่งตามขนาดของเตียง(Bed size)
มีปัญหาคือ แต่ละประเทศผู้ผลิตเตียง และแต่ละโรงแรมไซส์จะไม่เท่ากัน เอาเป็นว่าเปรียบเทียบก็แล้วกันเนอะ ให้รู้ความหมายที่เขียนแล้วกันว่าหมายถึงแบบไหนเวลาเห็นจะได้นึกออกว่าเป็นเตียงขนาดไหนตามภาพด้านล่าง
https://i.fbcd.co/products/original/7f92d317be73b2b1aa6057cb717da31f91b8c71b0f05bb8d62168340700e28e1.jpg
แต่โดยทั่วไป การระบุ ขนาดเตียง โดยมากเป็นแบบนี้
King Sized Bed:มีเตียงเดี่ยว ขนาดใหญ่ มีขนาด 80×80 นิ้ว สำหรับห้องขนาดใหญ่ของโรงแรมเช่น Deluxe และ Suite
Queen Sized Bed:มีเตียงเดี่ยว ขนาดกลาง มีขนาด 60×80 นิ้ว สำหรับห้องที่มีขนาดรองลงมา
Double Bedded :มีเตียงเดี่ยวขนาดเล็กที่นอนได้ 2คนพร้อมกัน มีขนาด 54×75 นิ้ว 1 เตียง
Twin Bedded: มีเตียงเดี่ยว ที่นอนได้คนเดียว ขนาด 36×75 นิ้ว จำนวน 2 เตียงสำหรับแขกที่พักไม่เกิน 2 คน
Single Bed: มีเตียงเดี่ยว ที่นอนได้คนเดียว มีขนาด 36×75 นิ้ว 1 เตียง สำหรับแขกที่มาคนเดียว
Triple Bedded: มีการเพิ่มเตียงเสริม (Extra Bed) สำหรับแขกที่พักไม่เกิน 3 คนนั่นเอง
และสำหรับ "Extra Bed" ก็มีแยกเป็นแบบต่างๆ ตามศัพท์ที่เรียก ดังนี้
Buffet : อาจเขียน ABF(American Breakfast) หรือ BBF(Buffet Breakfast) หรือ Internation Buffet หรืออื่นๆ แต่มีความหมายเหมือนกัน
Set Menu : มีคำนี้แปลว่าไม่เป็นบุฟเฟ่ต์แล้วครับ แต่จะเป็นเซ็ต ประกอบด้วยขนมปัง อาหารจานหลัก ของหวาน เครื่องดื่ม ฯลฯ แล้วแต่เขาจะจัดมาให้เราเลือก และเติมไม่ได้
Continental Breakfast : เป็นอาหารเช้าแบบง่ายๆ สไตล์ฝรั่ง อาหารจำพวกขนมปังกับเครื่องเคียง หรือซีเรียล อาจมีเครื่องดื่มเป็นน้ำผลไม้หรือนม บางที่อาจเขียน CBF
เครื่องดื่ม ‘ฟรี’ เวลาไปพัก แน่นอนว่าเครื่องดื่มใน Mini Bar แพงมหาโหดเป็นที่รู้กัน แต่จริงๆ แล้วมันมีของฟรีอยู่ด้วยนะ เวลาจองอย่าลืมอ่านกันว่าเขาให้อะไรเราบ้าง
Welcome Drink : ตามชื่อ เครื่องดื่มต้อนรับ มักได้ตอนเช็คอิน บางที่ให้เป็นคูปองสามารถนำไปใช้ใน Lobby Bar เมื่อไหร่ก็ได้ตลอดการเข้าพัก บางที่ยกมาเสิร์ฟระหว่างรอเช็คอิน บางที่นำไปวางไว้ให้ในห้องพัก หรืออนุญาตให้เราหยิบของจาก Minibar ได้ฟรี 1 ชนิดโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตรงนั้น อ่านและฟังคำอธิบายตอนเช็คอินดีๆ จะได้ไม่เสียสิทธิส่วนนี้
Complimentary Drinking Water : โดยส่วนใหญ่ จะให้น้ำเปล่าวันละ 2 ขวด ต่อ 1 ห้อง (ระวังให้ดี! น้ำฟรีมักอยู่นอกตู้เย็น ส่วนที่ใส่ไว้ในตู้เย็นไม่ใช่น้ำเปล่า แต่เป็นน้ำแร่ของ Minibar เปิดเมื่อไหร่เสียตังค์ทันที!!) ที่นิยมคือจะแขวนป้ายกระดาษไว้ที่คอขวดว่า complimentary เห็นป้ายนี้แกะได้เลยไม่ต้องกลัว
Gala Dinner : ดินเนอร์หรูหรา มักจัดในเทศกาลใหญ่ๆ ให้ผู้สนใจกินอาหารพร้อมเพลิดเพลินกับบรรยากาศได้เข้าร่วมตามความสมัครใจ
Compulsory Gala Dinner : กาล่า ดินเนอร์ บังคับจ่าย แปลว่า ถ้าคุณเข้าพักในคืนที่เขากำหนดเอาไว้ว่าจะจัดกาล่า ดินเนอร์ คุณจะต้องจ่ายค่า Gala Dinner ของแขกทุกคนที่เข้าพัก (เช่น ผู้ใหญ่ 1000 บาท เด็ก 500 บาท ครอบครัวคุณมีผู้ใหญ่ 2 เด็ก 2 คน คุณจะต้องจ่ายเพิ่มอีก 3000 บาทในคืนนั้น ไม่ว่าคุณจะเข้าร่วม Gala Dinner หรือไม่ก็ตาม)
สำหรับเราระบบนี้เป็นสิ่งที่ออกจะน่ารำคาญ และเราค่อนข้างจะรังเกียจ ไม่ค่อยมีหรอกในโลกนี้ที่บังคับว่า หากเข้าพักในคืนนี้ จะต้องเข้าร่วม Gala Dinner แต่โรงแรมประเทศไทยมี และเยอะมากด้วย ก่อนจะจองห้องพักอย่าลืมดูให้ดีก่อนว่าคืนที่คุณพักมี
Compulsory Gala Dinner หรือไม่ เพราะหากจองผ่านเว็ปออนไลน์มักจะไม่รวมเข้าไปใน Voucher และคุณต้องจ่ายเพิ่มตอน check-out
-คืนวันส่งท้ายปีเก่า (31 ธันวาคม) และ
-วันคริสต์มาสอีฟ (24 ธันวาคม)
-นอกจากนี้หากเป็นสุโขทัยหรือเชียงใหม่ อาจมีคืนวันลอยกระทงของแต่ละปี
-วันตรุษจีน(เฉพาะคนจีนต้องจ่าย)
-วันคริสต์มาสชาวรัสเซีย(6 มกราคม บังคับให้ชาวรัสเซียจ่าย) แล้วแต่เขาจะกำหนด